![](https://static.wixstatic.com/media/11062b_bef57164592d4de195baced563e69721~mv2.jpg/v1/fill/w_288,h_192,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,blur_2,enc_auto/11062b_bef57164592d4de195baced563e69721~mv2.jpg)
ทันตกรรมปริทันตวิทยา
สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ
1. โรคเหงือกอักเสบ คือ การอักเสบเฉพาะที่เหงือก เกิดจากการสะสมของแผ่นคราบจุลินทรีย์บนผิวฟัน ซึ่งเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย เมื่อคราบจุลินทรีย์สะสมนานๆ เนื่องจากเราแปรงฟันไม่สะอาด คราบจะแข็งขึ้นกลายเป็น "หินปูน" ซึ่งไม่สามารถแปรงออกได้อีกต่อไป และเป็นสาเหตุหนึ่งของกลิ่นปาก โรคนี้สามารถหายเป็นปกติได้หากเราดูแลความสะอาดของเหงือกและฟันอย่างดี รวมถึงมาขูดหินปูนอย่างสม่ำเสมอ ในทางกลับกันโรคเหงือกอักเสบหากปล่อยไว้ไม่รักษาสามารถกลายเป็นโรคปริทันต์อักเสบได้
2. โรคปริทันต์อักเสบ หรือ โรครำมะนาด คือ โรคปริทันต์ที่เกิดการลุกลามเข้าไปทำลายกระดูกเบ้าฟัน ทำให้ความแข็งเรงของฟันลดลง คำว่า "ปริ " แปลว่า "รอบ ๆ" ดังนั้นโรคปริทันต์ จึงหมายถึง โรคที่เกิดกับอวัยวะรอบฟัน ซึ่งได้แก่ เหงือกและกระดูกเบ้าฟันนั่นเอง ผลที่ตามมา คือฟันโยก อาจเกิดการบวม เป็นหนองและสูญเสียฟันไปในที่สุด การรักษาโรคปริทันต์อักเสบมักไม่สามารถทำให้กระดูกเบ้าฟันกลับมาอยู่ในระดับปกติได้ เป็นเพียงการประคับประคองให้ฟันสามารถอยู่ไปได้นานที่สุด และการรักษานั้นค่อนข้างซับซ้อนกว่าโรคเหงือกอักเสบมาก การประสบความสำเร็จในการรักษาต้องอาศัยความร่วมมือของคนไข้อย่างมาก
![Screen Shot 2564-01-14 at 00.01.26.png](https://static.wixstatic.com/media/56e351_10a9f7ae91ca4a4d8f1e603cca9c1340~mv2.png/v1/crop/x_9,y_6,w_903,h_661/fill/w_437,h_320,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/Screen%20Shot%202564-01-14%20at%2000_01_26.png)
ถาม-ตอบ
ถาม จะทราบได้อย่างไรว่า เป็นโรคปริทันต์หรือไม่?
ตอบ ต้องสังเกตว่าท่านมีอาการเหล่านี้หรือไม่
-
เหงือกบวมแดง แปรงฟันมีเลือดออก
-
มีกลิ่นปาก
-
มีเหงือกร่น เห็นรากฟัน
-
มีหนองออกมาจากร่องเหงือก
-
ฟันโยก
ถ้ามีอาการดังกล่าว ท่านอาจมีปัญหาเกี่ยวกับโรคปริทันต์